[Fic MHA] The Flower [TomuDeku] Sample #Dear

Title: The Flower

ชุดรวมเล่ม Dear

Pairing: Shigaraki Tomura x Midoriya Izuku

Rate: PG-13

Note: เป็นตัวอย่างฟิค MHA  ค่ะ สำหรับผู้ที่สนใจปัจจุบันเรากำลังเปิด Pre-Order อยู่ค่ะ สามารถเข้าไปสั่งจองได้ที่ https://forms.gle/h6Szt9KBybB8PaxW6

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Page: Ryuusei / Twitter : @raryuryn ค่ะ ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะ ^^


 

 

ท่ามกลางผู้คนมากมายบนโลกใบนี้…ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปที่คนคนหนึ่ง

 

 

ในยามสายของฤดูหนาวที่แสงอาทิตย์หลบลับไปหลังเมฆและมวลหิมะ มิโดริยะ อิซึกุกำลังปฏิบัติหน้าที่ฮีโร่อย่างขยันขันแข็งท่ามกลางอากาศหนาวของคืนก่อนวันคริสมาสต์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

 

ถนนสายหลัก…แม้ว่าจะได้ชื่อว่าถนนสายหลักก็ตามแต่ในช่วงก่อนวันหยุดคริสต์มาสผู้คนกลับบางตาลงกว่าแต่ก่อนราวกับถูกอากาศที่หนาวเย็นขับไล่ให้ลี้ภัยไปอยู่แต่ในที่ที่อบอุ่น มีคนเคยกล่าวว่าเมื่อแสงอาทิตย์น้อยลงผู้คนเองก็จะเฉื่อยชาและรู้สึกหดหู่ขึ้นเช่นกัน เขาก็ได้แต่หวังว่าฤดูหนาวนี้จะผ่านไปอย่างรวดเร็วเฉกเช่นทุกๆ ปีที่ผ่านไป จะได้ไม่ต้องมีใครรู้สึกเหี่ยวเฉาไปมากกว่านี้

 

หลังจากที่หิมะหยุดตกไปแล้วตอนนี้มิโดริยะ อิซึกุกำลังทำหน้าที่ตักหิมะที่ไม่สูงนักออกจากถนนสายหลักเส้นดังกล่าว เพราะแม้ว่าหิมะจะไม่สูงนักแต่ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ในตอนที่ยังคงตักหิมะสู้กับอากาศหนาวของวันนี้นั้นแรงสั่นสะเทือนก็ดังมาจากอีกฟากของถนนที่ไม่ไกลกันนัก เสียงการต่อสู้ดังขึ้น เรียกให้ฮีโร่เดกุผู้กำลังว่างงานต้องรีบรุดเข้าไปดู

 

ในการต่อสู้นั้นเต็มไปด้วยฝุ่นควันและเสียงระเบิด ไม่ไกลจากการต่อสู้นักเขาได้ยินเสียงอันคุ้นเคยกำลังสบถอย่างหัวเสียดังมาจากในวงล้อมการต่อสู้นั้น ไม่นานเขาก็ไปถึงสถานที่เกิดเหตุในเวลาเดียวกับที่การต่อสู้ดังกล่าวจบลง

 

ชายผมบลอนด์ในชุดฮีโร่สีดำส้มเดินออกมาจากวงล้อมของฝุ่นควันที่เกิดจากการต่อสู้ในขณะที่กำลังโทรเรียกตำรวจให้มาจับวิลเลินที่เพิ่งจะถูกตนจัดการไป ทันทีที่ชายคนนั้นมองเห็นเขาอีกฝ่ายก็ชะงักไปครู่หนึ่ง สายโทรศัพท์ถูกวางลง

 

ความนิ่งงันตรงหน้าพาให้หวนคิดถึงเรื่องราวเมื่อ 2 ปีก่อนขึ้นมา…แต่เขาก็ต้องสลัดมันทิ้งเมื่อในตอนนี้ตนเองกำลังปฏิบัติหน้าที่ฮีโร่อยู่

 

“คัตจัง เป็นอะไรรึเปล่า” เขาถามอย่างเป็นห่วงเพราะอีกฝ่ายเองก็มีบาดแผลเช่นเดียวกัน

 

“ถ้าว่างนักก็ไปทำงานของแกสิวะ” คัตจังเอ่ยตอบกลับมาเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินกลับไปยังจุดเกิดเหตุที่มีวิลเลินนอนสลบอยู่อย่างหมดท่า

 

นั่นสินะ…

 

ไม่นานหลังจากนั้นรถตำรวจก็เข้ามาจอดที่บริเวณดังกล่าว การปิดกั้นประชาชนเพื่อให้สะดวกต่อการจับกุมวิลเลินเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาพปกติราวกับไม่เคยมีการต่อสู้เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้

 

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้าเป็นไปด้วยดีเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางกลับไปทำหน้าที่ตักหิมะเหมือนเดิมอีกครั้ง ก่อนที่ตอนสายจะเริ่มเดินตรวจตราเมืองประจำวันอีกครั้ง

 

และในตอนที่เดินไปหยุดอยู่หน้าร้านดอกไม้ในซอยเล็กๆ ไม่ไกลจากถนนสายหลักนั้นเขาก็ต้องชะงักไป หน้าร้านไม่ได้ประดับตกแต่งให้เข้ากับเทศกาลมากนัก มีเพียงเถามิสเซิลโทเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของวันคริสต์มากก็เพียงเท่านั้น

 

แต่เพียงแค่นั้นก็พอจะทำให้เขาคิดถึงเรื่องราวใน ‘ตอนนั้น’ ออก

 

มิโดริยะ อิซึกุเผยรอยยิ้มที่อบอุ่นให้กับฤดูหนาวที่จับขั้วหัวใจก่อนจะผลักประตูเข้าไปในร้านนั้น…อีกครั้ง

 

 

…..

 

 

2 ปีก่อน

 

ในวันที่ฤดูหนาวพัดพาไอเย็นให้หนาวกว่าวันไหนๆ มิโดริยะ อิซึกุยังคงทำหน้าที่ฮีโร่ผู้ปกป้องความเรียบร้อยดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา แต่ในขณะที่กำลังดูแลการจราจรที่ติดขัดจากหิมะที่ตกลงมาอย่างหนักจนทำให้แม้แต่ถนนสายหลักก็ยากที่จะสัญจรนั้นการต่อสู้ของฮีโร่และวิลเลินก็ยังคงเป็นไปอย่างทุกวัน

 

เสียงระเบิด กลุ่มควัน และคำสบถอย่างอาฆาตที่ดังมาจากบนฟ้านั่นทำให้เขาพอจะเดาออกว่าใครกำลังเข้าต่อสู้อยู่ในตอนนี้ แต่สิ่งที่เขาเลือกทำกลับไม่ใช่การเดินเข้าไปในสถานการณ์ดังกล่าว

 

หลังจากที่พาผู้คนหลบการโจมตีไปยังอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร้วเขาก็มีเวลาเหลือเพียงน้อยนิดก่อนจะหลบเข้าไปในตรอกแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่ๆ เกิดเหตุดังกล่าว ร่างในชุดฮีโร่สีเขียวทรุดลงก่อนจะยกมือขึ้นปิดปาก พู่กันความรู้สึกถูกจุ่มลงไปในใจก่อนจะแผ่กระจายสีบนด้ามพู่กันนั้นให้แตกกระจายออกไปเป็นวงกว้าง

 

“อุ๊บ…!!!”

 

กลีบดอกไม้สีแดง…ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือข้างนั้นราวกับเลือดที่จับตัวกลายเป็นกลีบดอกไม้สีแดงแต่มันคือกลีบดอกไม้จริงๆ และอิซึกุกำลังป่วยจากอาการดังกล่าว

 

 

‘ฮานะฮาคิเบียว’ หรือ ‘โรคคายดอกไม้’ คือสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้จากการเข้าไปช่วยเด็กผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวแล้วติดอาการมาตอนที่สัมผัสกับดอกไม้ของอีกฝ่าย

 

 

เขาคิดว่ามันคงจะไม่มีปัญหาหากจะติดโรคสักโรคเพราะการรักษาที่ควบคู่กับอัตลักษณ์ในปัจจุบันนั้นเจริญก้าวหน้าขึ้นมากแล้ว แต่เขากลับคิดผิดเมื่อพบกับสาเหตุและวิธีการรักษาโรค…รวมถึงต้นเหตุที่ทำให้โรคดังกล่าวกำเริบ

 

‘มันเป็นโรคของคนที่มีความรู้สึกที่ไม่ได้รับการตอบรับ และไม่ว่าจะบอกความรู้สึกนั้นออกไปแล้วถูกปฏิเสธหรือเก็บไว้สุดท้ายมันก็จะจบที่การตายของคนที่เจ็บป่วยด้วยโรคนี้อยู่ดี’ คุณหมอกล่าวอย่างนั้นในตอนที่เขาได้แต่นั่งนิ่งอย่างไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร ท่าทางที่งุนงงของเขาทำให้คุณหมอต้องอธิบายเสริม

 

‘แต่ถ้าเธอไม่ได้ไปแอบชอบใครฉันก็หายห่วงแล้วล่ะ’

 

เขาเองก็ภาวนาให้มันเป็นแบบนั้น…

 

แต่ตั้งแต่นั้นผ่านมาสองเดือน ทุกครั้งที่พบกับเพื่อนสมัยเด็กและฮีโร่ที่เก่งกาจคนนั้นเขาก็มักจะเกิดอาการแน่นหน้าอกและไอออกมาเป็นดอกไม้อย่างที่เห็น

 

เขาพยายามหาวิธีรักษาทั้งจากคุณหมอและในอินเตอร์เน็ตแล้วแต่ด้วยความที่โรคนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนักจึงมีเพียงกรณีตัวอย่างไม่กี่กรณีของคนที่เป็นและหาย และกรณีดังกล่าวก็คือการที่ ‘ได้รับความรู้สึกตอบกลับมา’ ที่เขาจะไม่มีวันได้มาจากคนที่มอบให้

 

มีเพียงเรื่องเล่าที่ไม่ได้รับการยืนยันว่าหากไม่พบเจอต้นเหตุที่จะไปกระตุ้นความรู้สึกดังกล่าวก้จะชะลอความเจ็บป่วยนั้นลงได้ แต่สำหรับเขาที่ต้องทำงานในพื้นที่ไม่ไกลจากอีกฝ่ายก็ยากเหลือเกินที่จะห้ามเหตุการณ์ดังกล่าวให้ไม่เกิดขึ้น และเพราะแบบนั้น…

 

เขาจึงทำได้เพียงรับผลกระทบของมัน

 

“แค่กๆ…”

 

เดกุไออย่างหนักกว่าครั้งไหนที่เคยผ่านมา เขารู้ว่ายิ่งเวลาผ่านไปนานมากขึ้นตัวเขาก็ยิ่งมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลา จากกลีบดอกไม้เพียงกลีบเดียวในวันนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนเกือบจะถึงครึ่งดอก

 

ไม่มีใครบอกว่าถ้าดอกไม้นั้นเต็มดอกเขาจะเจ็บปวดขึ้นมากเท่าไหร่ แต่แค่เพียงสิ่งที่ได้รับในตอนนี้ความเจ็บปวดก็รุนแรงจนแทบจะไปต่อไม่ไหวแล้ว

 

ร่างในชุดฮีโร่ล้มตัวลงบนพื้นที่ถูกปกคลุมด้วยกองหิมะ แสงจากด้านนอกส่องเข้ามาในตรอกให้พอเห็นกลีบดอกไม้สีแดงที่อยู่บนมือข้างหนึ่งของเจ้าของมือ ดวงตาสีเขียวหรี่ลงช้าๆ ก่อนจะปิดไปท่ามกลางความหนาวเย็นที่ทิ่มแทงผิวเนื้อ

 

แสงจากด้านนอกตรอกที่ส่องมาถึงแค่เพียงฝ่ามือของร่างไร้สตินั้นค่อยๆ ถูกบดบังด้วยความมืดที่เข้าครอบคลุมพื้นที่อีกครั้ง ร่างของใครคนหนึ่งทาบทับเป็นเงาบนพื้นหิมะอยู่ที่ทางเข้าตรอกที่หนาวเย็นนั้น รองเท้าสีแดงเดินมาหยุดอยู่ที่ฝ่ามือของร่างนั้น

 

“ฮีโร่…?”

 

ดวงตาสีสีแดงจับจ้องไปยังบนฝ่ามือนั่นก่อนจะผุดรอยยิ้มออกมาเพียงบางเบา

 

“น่าสนุกดีนี่”

 

ร่างในชุดสีดำเรือนผมสีฟ้าเอ่ยก่อนจะโน้มตัวลงอุ้มร่างที่นอนอยู่บนพื้นหิมะนั้นขึ้นก่อนจะหายไปในตรอกนั้น

 

นั่นคือวันแรกที่ฮีโร่เดกุหายตัวไป…

 

 

The Flower

 

 

 

 

(ติดตามต่อได้ในเล่มค่ะ)

 

 

 


 

ตอนเปิดเรื่องค่อนข้างมีคัตจังมาเอี่ยวด้วยเยอะไปหน่อย แต่เนื้อหาด้านในไม่ทำให้ชิปเปอร์ TomuDeku ผิดหวังแน่นอนค่ะ น้องจะหายจากอาการป่วยหรือไม่ จะหายได้อย่างไร ติดตามต่อได้ในเล่มเลยค่ะ แต่ตอนนี้ถ้ายาวกว่านี้คงถือเป็นสปอยแน่ค่ะ ขออภัยด้วยนะคะ (_ _)

 

 

 

[Fic MHA] I Found [Another] You [KatsuDeku] Sample #Dear

Title: I Found [Another] You

ชุดรวมเล่ม Dear

Pairing: Bakugou Katsuki x Midoriya Izuku

Rate: PG-13

Note: เป็นตัวอย่างฟิค MHA  ค่ะ สำหรับผู้ที่สนใจปัจจุบันเรากำลังเปิด Pre-Order อยู่ค่ะ สามารถเข้าไปสั่งจองได้ที่ https://forms.gle/h6Szt9KBybB8PaxW6

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Page: Ryuusei / Twitter : @raryuryn ค่ะ ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะ ^^

 


 

ภาพเบื้องหลังของตึกสูงใหญ่ที่เรียงรายอยู่คือท้องฟ้าของฤดูใบไม้ผลิ หน้าต่างบานเล็กทางด้านขวาคือสิ่งเดียวที่เปิดให้เห็นโลกภายนอกในขณะนี้ แล้วแม้ว่าฤดูกาลอันอบอุ่นจะมาเยือนผู้คนแล้วก็ตามในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยมวลความรู้สึกอันแสนอึมครึม

ชายหนุ่มในชุดฮีโร่สีเขียวเป็นเอกลักษณ์พร้อมกับอัตลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับอดีตสัญลักษณ์แห่งสันติภาพมิโดริยะ อิซึกุกำลังรวบรวมสติของตนเองให้จดจ่ออยู่ที่การประชุมตรงหน้าแม้ว่าใจจะกระหวัดคิดไปถึงเรื่องอื่นอยู่ก็ตาม

เดกุเข้าทำงานเป็นฮีโร่ในเมือง OO อย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่ปีก่อน เมืองที่เขาทำงานอยู่นั้นมีอัตราการเกิดอาชญากรรมค่อนข้างสูง แต่แม้ว่าจะมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากสมัยเรียนมัธยมปลายก็ทำให้เขาเอาตัวรอดมาได้และคุ้นชินกับการปราบปรามเหล่าวายร้ายอยู่พอตัว

แต่เรื่องในครั้งนี้กลับไม่ใช่ปัญหาแค่ของเมืองที่เขาทำงานอยู่

เมือง XX เป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลกันนัก อัตราการเกิดอาชญากรรมเองก็พอๆ กัน และยิ่งอาชญากรมากเท่าไหร่ ฮีโร่ของเมืองนี้ก็ยิ่งมีมากตามไปด้วย นั่นจึงเป็นเรื่องน่ากังวลใจเมื่อทางสำนักงานฮีโร่ในพื้นที่ดังกล่าวติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากฮีโร่ที่อยู่เมืองรอบข้างเช่นเขา

“แล้วตกลงว่าจะรอกันอยู่อย่างนี้รึไง”

น้ำเสียงกระชากโต้กลับอย่างหงุดหงิดดังมาจากอีกฟากของโต๊ะ ดึงให้เจ้าของดวงตาสีเขียวที่กำลังอ่านและวิเคราะห์สถานการณ์ของเมือง XX อยู่ต้องเงยกลับขึ้นมามองคนตรงหน้าที่อยู่อีกฟากของโต๊ะการประชุม

บาคุโก คัตสึกิ กำลังเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย แค่มีกลุ่มวายร้ายที่ลักลอบขายและผลิตยาเพิ่มลดอัตลักษณ์ในพื้นที่สำนักงานที่เขาสังกัดก็น่าหงุดหงิดพออยู่แล้ว แต่ที่น่าหงุดหงิดกว่าคงจะเป็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันที่ถูกเรียกมาจากอีกสำนักงานหนึ่ง

เดกุไม่แปลกใจเลยถ้าอีกฝ่ายจะหงุดหงิด คัตจังเองก็คงจะไม่พอใจไม่น้อยที่สำนักงานฮีโร่ของตนเลือกที่จะขอความร่วมมือจากสำนักงานฮีโร่อื่น…โดยเฉพาะเมื่อสำนักงานนั้นมีเขาอยู่ด้วย ใบหน้าที่หงุดหงิดกว่าปกตินั่นเดกุเองก็พอจะเดาออก

“ก็คงจะต้องรอนั่นแหละ เมื่อวันก่อนทางเราก็เจอวายร้ายที่ใช้ยาเพิ่มอัตลักษณ์เหมือนกัน แต่ว่ามันดันกลัวเกินเหตุจนชิงฆ่าตัวตายไปซะก่อน” ฮีโร่ผู้ตรวจตราเมือง AA ที่อยู่ไม่ไกลกันเอ่ยขึ้น และนั่นก็ทำให้ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนในสำนักงาน

ตอนนี้เมืองในบริเวณนี้เต็มไปด้วยเหล่าวายร้ายมที่พกพายาเพิ่มอัตลักษณ์มากขึ้น และการใช้ยานั่นก็เหมือนว่าจะกระจายไปในเมืองข้างเคียงอย่างรวดเร็ว ที่แย่กว่านั้นก็คือ….

“และถ้าชื่อเสียงมันโด่งดังขึ้น คนที่ต้องการก่อการร้ายก็คงหาทางเพื่อติดต่อซื้อขายกับมันเพิ่มแน่”

“เราต้องรีบแล้ว”

“แต่เรายังไม่มีข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับฐานที่ตั้งแล้วจะสาวไปถึงแหล่งกบดานของมันได้ยังไง”

“เพราะอย่างนั้นเราก็เลยต้องรีบสืบหารังผลิตยาและจัดการถอนรากถอนโคนมันให้เร็ว” คนจากสำนักงานฮีโร่เมือง XX กล่าว

การประชุมยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็คล้ายว่าพวกเขาจะวนอยู่ในอ่างความคิดเดิมๆ ว่าจะหาต้นตอของยาพวกนั้นได้อย่างไร ในที่สุดพวกเขาจึงตัดสินใจสรุปกันว่าสำนักงานฮีโร่เมือง XX ที่ติดต่อมาจะเป็นตัวกลางในการรวบรวมข้อมูล และถ้าฮีโร่ในเขตข้างเคียงมีข้อมูลความคืบหน้าของกลุ่มวายร้ายอย่างไร พวกเขาก็จะวางแผนบุกกันอีกที เพื่อไม่ให้เป็นการต่อสู้ที่เสียเปล่าอีกแล้ว

ตอนนี้จึงถือว่าเป็นช่วงพักก่อนที่พายุจะโหมกระหน่ำเข้ามาอีกระลอก

…….

แกร็ก

หลังการประชุมเสร็จสิ้นลงเดกุก็กลับมายังที่พักของตัวเองอีกครั้ง คอนโดชั้นสามในโซนที่อยู่อาศัยมีห้องน้ำ ห้องนอน ห้องรับแขกที่แบ่งเป็นส่วนครัวด้วยโต๊ะสูง ทุกอย่างมีครบถ้วนตามแบบฉบับห้องทั่วไปที่ควรมี แม้ว่าบางครั้งเขาจะไม่ค่อยได้ใช้งานมันเพราะต้องออกไปทำงานอยู่บ่อยครั้งก็ตาม

ไฟในบ้านเปิดสว่างอย่างคนที่ลืมปิดไว้…หากแต่นั่นคือความตั้งใจของเจ้าของห้อง มิโดริยะ อิซึกุเดินเข้าไปเช็คความเรียบร้อยในห้องนอนก่อนจะเดินกลับมาอุ่นอาหารที่ครัวอีกครั้ง

และในตอนที่ง่วนอยู่กับการอุ่นอาหารนั้นเสียงกลอนประตูห้องนอนก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอย่างเชื่องช้าราวกับว่าจะมีใครได้ยินการกระทำดังกล่าว เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ราวกับตามเสียงความเคลื่อนไหวเพียงหนึ่งเดียวในครัวมา ไม่ต้องหันไปดูก็พอจะรู้ว่า ‘ความเรียบร้อย’ ในห้องนอนได้เดินมาถึงอีกฟากของโต๊ะกินข้าวในห้องครัวแห่งนี้แล้ว

“ตื่นแล้วเหรอ” เขาหันกลับไปทักร่างเล็กของเด็กชายตัวน้อยที่เพิ่งตื่นหลังจากสลบไปตั้งแต่เช้า ดวงตาสีแดงเพลิงของเด็กชายที่อายุไม่น่าจะถึง 5 ขวบกวาดไปทั่วห้องพักก่อนจะหันกลับมามองเขาที่กำลังยกจานข้าวกับไก่ผัดขิงที่เพิ่งจะอุ่นไปวางบนโต๊ะ

“กินก่อนสิ”

“แกเป็นใคร” ดวงตานั้นมองมาอย่างไม่เป็นมิตร

ดูแล้วช่างให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับที่ได้พบเจอเมื่อเช้านี้เหลือเกิน

ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ

“มิโดริยะ อิซึกุ อายุ 23 ปีไงล่ะ…คัตจัง”

“…!!!”

เด็กตรงหน้าดูจะตื่นตกใจอย่างหนัก ปากอ้าขยับขึ้นเหมือนจะเถียงบางอย่างแต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องมายังเจ้าของห้องที่ขยับมายืนตรงหน้า และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าต่อต้านเดกุจึงค่อยๆ สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าอีกฝ่าย

“เมื่อเช้านี้ฉันเป็นคนพานายมาที่นี่ตอนที่นายสลบอยู่”

ดวงตาสีแดงจับไปยังชุดปฏิบัติงานฮีโร่ของคนตรงหน้าก่อนจะเริ่มเข้าใจ แต่…

“ไม่จริง แกโกหก”

“เรื่องไหนล่ะ?”

เรื่องที่ฉันคือเดกุ…

หรือ…เรื่องที่เดกุคนนี้เป็นฮีโร่…

“หา!? ก็ต้องเรื่องที่แกบอกว่าแกเป็นอิซึกุน่ะสิโว้ยยย”

อิซึกุ… ?

เด็กชายไม่สนใจเขาแล้วเริ่มเดินกลับเข้าไปรื้อของในห้องราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง แต่เมื่อไม่พบใครมากไปกว่านี้เด็กคนนั้นก็เดินกลับมาที่เดิมอีกครั้ง

“อิซึกุอยู่ไหน?”

และเมื่อไม่เจอทางเดียวที่จะได้คำตอบคือการเค้นหาเอาจะคนเพียงหนึ่งเดียวในห้องนี้ เดกุเองก็ได้แต่มองเด็กตรงหน้าอย่างไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ด้วยลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขาตัดสินใจเป็นฝ่ายเปิดฉากถามกลับ

“ก่อนที่จะฟื้นขึ้นมาคัตจังทำอะไรอยู่เหรอ” เด็กชายตัวเล็กนิ่งไปก่อนจะตอบ

“ทำไมฉันต้องบอกแก”

“เพราะฉันคือ…เพราะฉันจะได้ช่วยหาอิซึกุได้ไง”

เด็กตรงหน้าหันกลับมามองอย่างช่างใจก่อนจะเอ่ยปาก “เข้าไปสำรวจในเขตภูเขาแล้วหลังจากนั้นก็ไปซัดเจ้าคนชั่ว”

คนชั่ว…ต่อสู้กัน…แล้วก็มาอยู่ที่นี่…

เดกุเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวตรงหน้าจากประสบการณ์ที่ผ่านมา จากการที่คัตจังในเวลาของเขายังมีตัวตนอยู่เมื่อเช้า มีเพียงคัตจังในวัยเด็กที่เพิ่มเข้ามาในโลกใบนี้ การเข้าไปในเขตต้องห้ามนั่นคัตจังอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คัตจังถูกส่งมาที่นี่ และคนที่ส่งมาที่นี่ก็อาจจะเป็นเจ้าของสรรพนาม ‘คนชั่ว’ ที่ว่า

เรื่องราวเหมือนจะจบลงเช่นนี้ถ้าหากลางสังหรณ์ของเขาไม่ร้องทักขึ้นมาอีกครั้ง

“คัตจังไปคนเดียวสินะ”

“ใช่” เดกุเหมือนจะโล่งใจออกมาแต่ก็ได้ไม่ถึงสามวิ “ตอนแรกก็ตั้งใจจะไปคนเดียวแต่เจ้าอิซึกุก็ตามมาจนได้ ว่าแต่ตอนนี้มันอยู่ไหนแล้วล่ะ”

อ่า…นั่นสิ

ตอนแรกที่เขาไปเจอก็พบแค่เด็กคนนี้สลบอยู่บนถนนเพียงคนเดียว แต่แค่เด็กที่สลบอยู่ตรงหน้าหน้าตาเหมือนคัตจังเมื่อสิบกว่าปีก่อนเขาก็ตกใจจนลนลานเกือบจะไปประชุมสายแล้ว ในความเป็นจริงก็ควรจะพาไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คอาการก่อนเสียด้วยซ้ำแต่เพราะโดนเร่งให้รีบไปประชุมจึงได้แต่พาเด็กคนนี้มาพักที่ห้องก่อน

หลังจากนี้ก็คงต้องพาไปแจ้งตำรวจทั้งเรื่องเด็กหายแล้วก็เรื่องอัตลักษณ์พิเศษที่ส่งเด็กเหล่านี้มาถึงที่นี่ด้วย

“นี่ ว่าไงล่ะ เจ้านั่นอยู่ไหน”

“เอ่อ…”

“หรือว่าแกทำอะไรเจ้านั่น…”

อ่า…ฉันจะทำอะไรตัวเองได้ล่ะ ที่สำคัญถ้าฉันทำละก็…

“ถ้าฉันทำ…”

“…”

อา…แค่เห็นดวงตาที่มองมาอย่างคาดโทษนั่นก็รู้สึกดีใจแทนตัวเองตอนเด็กขึ้นมาเลยแฮะ

‘อิซึกุ จำไว้นะ ถ้าใครมาทำร้ายแกฉันจะซัดมันให้ดู’

‘อื้อ!’

ช่วงเวลานั้นช่างน่าดีใจ…และหวนคิดถึง

“ถ้าฉันทำตัวเองให้เป็นอะไรไปก็คงจะไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แล้ว…” ดวงตาแข็งกร้าวนั่นค่อยๆ อ่อนลง “ฉันเจอคัตจังแค่คนเดียว แต่เดี๋ยวไปแจ้งเด็กหายกับเรื่องอัตลักษณ์ที่ทำให้ส่งมาที่นี่แล้วจะลองออกตามหาก็น่าจะยังทัน”

“ฉันจะตามหาเอง ไม่ต้องให้แกช่วย”

“งั้นก่อนออกไปก็กินอะไรซะก่อนสิ” เขาพูดตามปกติแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าตาเหยเกเมื่อมองดูอาหารบนโต๊ะ

“รสชาติไม่แย่หรอกนะ เพราะฉันซื้อมาไม่ได้ทำเอง”

“แกนี่กินอะไรน่าเบื่อจริง”

“อ่า…”

เดกุไม่รู้จะตอบโต้อะไรกลับไปได้แต่มองอีกฝ่ายที่ยังจ้องข้าวต่อไป ดูแล้วคัตจังคงไม่ได้มีปัญหาแค่รสชาติของอาหารแต่คงไม่เชื่อใจเขามากกว่า แน่นอนว่าเป็นใครก็คงไม่ไว้ใจทั้งนั้น…แต่เขาก็ไม่ได้มีเวลาทำให้เด็กคนนี้เชื่อใจได้ตลอดทั้งวันนี่สิ เพราะฉะนั้น

“ไม่กล้ากินเหรอ…งั้น…”

เขาพูดขณะยื่นมือเข้าไปหยิบจานอาหารชุดนั้นออกแต่ไม่ทันไรก็ถูกฝ่ามือเล็กๆ นั่นปัดออกก่อนจะยกตะเกียบขึ้นกินข้าวตามปกติ พาให้คนที่เน้นย้ำคำว่า ‘ไม่กล้า’ ถึงกับต้องหันกลับมาแอบยิ้มกับตัวเองและขอบคุณช่วงเวลากว่า 18 ปีที่รู้จักกันมา

ช่วงสายหลังจากเก็บของที่ถูกค้นไปทั่วห้องเดกุก็ออกไปปฏิบัติภารกิจอีกครั้งพร้อมกับคัตจังที่ถูกพามาด้วยเพื่อให้ปากคำกับตำรวจเรื่องตัวเขาตอนเด็กที่น่าจะหายไปกับการสืบค้นอัตลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับเวลา ก่อนจะพาเจ้าตัวไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คอาการบาดเจ็บจากการถูกส่งมาต่างห้วงเวลา

การตรวจเป็นไปอย่างเรียบร้อย ผลที่ได้คือคัตจังถูกส่งมาในร่างของคนตามปกติไม่ได้มีส่วนใดของร่างกายที่ผิดปกติไป หลังจากตรวจเสร็จเขาตั้งใจจะพาอีกฝ่ายกลับไปที่บ้านตนเองก่อนด้วยยังคิดไม่ตกว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับคัตจังในช่วงเวลานี้อย่างไรดี

โรงพยาบาลในเขตนี้ค่อนข้างใหญ่จึงมีคนมาใช้บริการค่อนข้างมาก ยามนี้เป็นเวลาที่คนค่อนข้างพลุกพล่าน เขาจึงยื่นมือไปให้คัตจังเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหลงทาง แต่สุดท้ายเด็กคนนั้นก็หันมามองเพียงแวบเดียวก่อนจะเมินมือข้างนั้นแล้วเดินนำหน้าไป

คัตจังก็ยังคงเป็นคัตจังสินะ

เขาถอนหายใจก่อนจะเดินตามไป จนกระทั่งผ่านทางเชื่อมตึกโรงพยาบาล รอบข้างเต็มไปด้วยดอกซากุระที่กำลังบอกกล่าวว่าฤดูใบไม้ผลิได้มาถึงแล้ว ในตอนนั้นเองร่างของคัตจัง…บาคุโก คัตสึกิในวัย 23 ปีก็เดินมาจากอีกฟากของทางนั้น เขาชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวไป ดวงตาสีเพลิงมองสบกลับมาก่อนจะละไปมองยังเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา เด็กชายผมบลอนด์หยุดชะงักเช่นกันเมื่อถูกจ้อง รอบข้างที่เคยพลุกพล่านราวกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

“คัตจัง…”

ตอนนั้นเหมือนว่าสมองของเขาจะเบลอจนไม่รู้ว่าควรพูดอะไรก่อนดี และมันก็ยิ่งเบลอหนักกว่าเก่าเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น…

“คัตจัง?”

เสียงของเด็กผู้ชายที่ไม่ได้ยืนอยู่ข้างเขาก้าวออกมาจากเบื้องหลังของชายคนนั้นด้วยใบหน้าที่ดูงุนงง มิโดริยะ อิซึกุในวัยเด็กก้าวออกมา เด็กชายตกใจอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นเพื่อนสมัยเด็กของตน แล้วจากนั้นร่างเล็กก็วิ่งมาหาคัตจังตัวน้อยที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองคน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กเหล่านั้นในขณะที่ตัวตนในวัยทำงานได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ต่อกัน

…I Found [Another] You…