3
ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน
ท้องฟ้าสีครามปกคลุมไปด้วยเมฆสีขาวส้มลอยอ้อยอิ่งคือภาพอันคุ้นตาเสมือนเพื่อนคนหนึ่งที่มักจะมารอรับหลังเลิกเรียนเสมอ…
ความสงบของผืนฟ้าที่ถูกตึกสีดำตีกรอบไว้ฉายชัดตรงหน้าราวกับกำลังเย้ยหยันร่างที่นอนคลุกอยู่ในโคลนตม หากว่าอีกาที่กำลังเกาะอยู่บนรั้วด้านหนึ่งของมุมตึกแลตาลงมา…มันก็คงจะได้พบกับความหฤหรรยามเย็นของเด็กนักเรียนชายกลุ่มหนึ่ง…บนร่างที่สกปรกโสโครกไม่ต่างจากขยะ
“ฮ่าๆๆ ไม่ร้องแล้วหรอวะ ทำไมล่ะ ฮะ!”
ปั้ก ปั้ก ปั้ก
เสียงรองเท้าเหยียบย่ำลงบนกองขยะนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับไม่มีเรื่องใดจะถูกต้องไปกว่าการเหยียบย่ำมันให้จมดิน ปลายเท้าข้างหนึ่งกระทุ้งเข้าด้านข้างจนปวดระบมซ้ำแผลเก่า ความเจ็บปวดที่กระหน่ำเข้ามาจนจุกทำให้ร่างที่ไม่ต่างจากขยะไม่มีแรงแม้แต่จะร้องออกไป
“ทำไมไม่ร้องล่ะวะ”
พลั่ก!
“อ๊อก…”
“ฮ่าๆๆๆ ตลกชิบ”
“ฮ่าๆ ดูแม่งดิ…”
ภาพตรงหน้าราวกับจะเบลอลงไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าสีครามยามเย็นค่อยๆ มืดลงและปิดบังทุกสรรพเสียงและสัมผัส ความมืดปกคลุมรอบด้านราวกับผ้าม่านปิดการแสดง แล้วเสียงสุดท้ายที่ยังจำได้ดีก็ดังขึ้นมาหลังม่านสีดำตรงหน้า
…
..
.
.
.
‘อย่ายอมให้ใครรังแกได้อีก’
.
.
.
..
…
เฮือก!
ดวงตาสีเขียวลืมขึ้นอย่างตกใจก่อนจะพบกับเพดานห้องสีขาวอันคุ้นตา ดวงตาสีเข้มกะพริบปรับโฟกัสอยู่ครู่หนึ่งในขณะที่ลมหายใจถี่กระชั้นถูกปรับให้กลับมาปกติอีกครั้ง ท่อนแขนในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดกำลังจะยันตัวลุกขึ้น แต่รอบลำตัวทั้งซ้ายขวากลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นบางอย่างที่ติดแน่น ดวงตาสีเขียวเหลือบมองรอบตัวอีกหนก่อนจะพบว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้เขาขยับสักเท่าไหร่
เมื่อรอบตัวของผุ้ใหญ่เพียงคนเดียวในห้องเด็มไปด้วยเด็กเล็กสี่คนที่นอนพิงอยู่และบางคนก็ขึ้นมานอนก่ายอยู่บนลำตัว…
อิซึกุค่อยๆ ฟื้นความทรงจำอีกครั้งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขาเป็นเวรประจำห้องบำบัดอัตลักษณ์เด็กเล็ก สถานที่ของเด็กๆ ที่เกิดมาพร้อมกับอัตลักษณ์ที่จัดว่าอันตรายทั้งต่อตน…และคนบนโลก
ดวงตาคู่สีเขียวเหลือบมองนาฬิกาแขวนที่มุมหนึ่งของห้องก่อนจะพบว่าเวลาได้ล่วงเลยมาจนเกือบจะเข้ายามบ่ายแล้ว
เกือบสองชั่วโมงที่เขาหลับไปพร้อมกับเด็กๆ ที่เล่นซนจนหลับไปไม่ต่างกัน
เดกุค่อยๆ ขยับแขนทั้งสองข้างให้หลุดออกจากการถูกใช้เป็นหมอนข้างของเด็กๆ ก่อนจะเอื้อมหยิบหมอนเล็กที่ถูกเตะไปอยู่รอบๆ ผ้าปูนุ่มๆ ที่เปรียบเสมือนที่นอนนี้ให้กลับมา เขายกตัวของเจ้าตัวเล็กสุดที่ขึ้นมานอนทับอยู่บนอกขึ้นอย่างเบามือก่อนจะย้ายร่างนั้นไปไว้ทางที่นอนด้านบนเหนือหัวของเขาโดยหันหัวเข้าหากันให้ง่ายต่อการดูแล ฝ่ามือเอื้อมลงไปจับขาป้อมๆ ข้างหนึ่งของเด็กชายอีกคนที่ทับอยู่บนต้นขาของเขาในท่าที่แปลกๆ ก่อนจะจัดแจงท่าทางให้เด็กชายด้านล่างใหม่พร้อมกับสอดหมอนเข้ารองคอให้หลับสบายขึ้นเช่นเดียวกับเด็กหญิงและชายอีกสองคนที่เคยใช้แขนเขาเป็นหมอนข้าง หลังจากปรับหมอนให้เข้าที่เขาก็กระชับผ้าห่มขนาดพอดีตัวเด็กคลุมให้แต่ละคนจนเรียบร้อย
การกระทำทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ลมหายใจเข้าออกของสิ่งมีชีวิตที่บอบบางยังคงดำเนินไปเช่นเดิมในห้องที่เงียบสงบ แสงอาทิตย์ยามบ่ายทอแสงอ่อนๆ ลอดผ่านม่านสีขาวทางหางตาด้านขวาเข้ามาพร้อมกับสายลมเอื่อยๆ ของเครื่องปรับอากาศที่ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป ความอบอุ่นจากร่างเล็กของเด็กๆ บวกกับความสงบของห้องบำบัดสีพาสเทลทำให้คนที่ไม่ได้นอนเลือกที่จะกลับเข้าสู่นิทราอีกครั้ง
ฟู่ว…
เสียงเครื่องปรับอากาศดำเนินไปเรื่อยๆ ราวกับจะขับกล่อมช่วงเวลาพักผ่อนที่อบอุ่นนี้ให้ดำเนินไปด้วยความสงบ แม้จะถือว่ากำลังทำหน้าที่เวรดูแลห้องเด็กเล็กก็ตาม แต่การทำหน้าที่นี้จริงๆ แล้วก็ไม่ต่างจากการมาพักผ่อนจากงานที่กดดัน แม้ว่าเด็กๆ จะดื้อจนคนในแผนกต่างไม่อยากเข้ามาทำหน้าที่นี้กันแต่สำหรับเดกุที่เข้ากับเด็กเหล่านี้ได้แล้วนั้นมันกลับกลายเป็นงานที่สบายมาก
มากจนเขาอยากจะนอนเฝ้าห้องนี้ไปตลอด
…ถ้าไม่ติดว่ายังมีงานต้องทำอยู่ล่ะก็นะ
ลมหายใจเข้าออกของผู้ใหญ่เพียงคนเดียวในห้องเริ่มกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง เมื่อสมองคำนวนเสร็จสรรพว่าอัตลักษณ์ที่เกินขอบเขตของเด็กรอบตัวยังอยู่ในการควบคุมของฤทธิ์ยา เขามีเวลาอีกประมาณชั่วโมงกว่าจนกว่าจะเข้าสู่ช่วงเวลาที่ต้องปลุกเด็กๆ ขึ้นมา
อิซึกุหลับตาลงราวกับคนที่กำลังเข้าสู่นิทรา จนกว่าจะถึงเวลาที่ตั้งไว้เขาจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันที่สติจะหลบเร้นไปตามที่ต้องการ…เมื่อเสียงประตูไม้ดังขึ้น
แกร็ก
คนที่ยังไม่เข้าสู่นิทรายังคงหลับตาอย่างเป็นปกติเสมือนหนึ่งว่าสติได้หลุดไปในความฝันแล้ว แต่หูทั้งสองข้างยังคงเปิดรับสรรพเสียงที่เกิดขึ้นภายในห้อง สมองเริ่มคิดคำนวณอย่างเป็นระบบว่าเหตุใดกันห้องที่ไม่มีทางที่คนในแผนกจะเข้ามาในเวลานี้ถึงได้มีเสียงประตูเปิดเข้ามาได้
ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็มีน้อยครั้งที่จะมีใครเข้ามาในเวลานี้ และถึงจะเข้ามาแล้วคนๆ นั้นก็จะไม่เงียบไปอย่างในตอนนี้แน่นอน
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาในห้องอย่างไม่หนักและไม่เบาเกินไปนัก เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ปลายขาของเขา ความรู้สึกถึงเงาดำที่ทาบทับอยู่เนิ่นนานนั้นทำให้คนที่ทำเป็นหลับเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี
เมื่อขึ้นชื่อว่าห้องบำบัดอัตลักษณ์นั้นมีเจ้าของอัตลักษณ์น่ากลัวมากมายที่หากใช้ไปในทางไม่ถูกไม่ควรก็สามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้…
มือข้างขวาที่แนบอยู่ข้างลำตัวเอื้อมไปหยิบของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังช้าๆ โชคดีที่มีผ้าห่มผืนเล็กปิดแขนเขาไว้พอดีจึงดูราวกับว่าร่างนั้นยังคงนอนนิ่งอยู่เช่นเดิม
ความมืดเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าของตัวเองเรื่อยๆ เดกุสัมผัสถึงมันได้และไม่คิดจะรั้งรออีกต่อไป
!!!
ดวงตาคู่สีเขียวลืมขึ้นมองภาพตรงหน้าที่มีมือข้างหนึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาตรงใบหน้าตนเอง เขาปัดมือนั้นออกก่อนจะพุ่งมืออีกข้างที่กำของมีคมอยู่พุ่งออกไป ใบมีดถูกเปิดออกก่อนจะถึงใบหน้าของแขกไม่ได้รับเชิญ
การกระทำที่รวดเร็วนั้นทำให้คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ต้องหยุดชะงักก่อนจะหลบหมัดที่พุ่งเข้ามาตรงหน้า ใบมีดที่ถูกกำอยู่ถูกกดออกจากด้ามเฉียดใบหน้าของตนไปเพียงไม่กี่เซน ฝ่ามือใต้ถุงมือสีเขียวจับแขนที่กำมีดเอาไว้ ในขณะที่มือของตนที่ยื่นออกไปยังใบหน้าของคนนอนหลับเมื่อครู่ก็กำลังถูกจับไว้แน่นเช่นกัน
ต่างฝ่ายต่างตกใจในการกระทำของกันและกัน เวลานิ่งสงบที่ยากแก่การคาดเดาหมุนวนอยู่ในห้องอันเงียบสงบ ดวงตาสีเขียวที่แข็งกร้าวอยู่เมื่อครู่ค่อยๆ กลับมาอ่อนลงอีกครั้ง หัวใจที่เต้นแรงเพราะสัญชาตญาณการป้องกันตัวที่ตื่นขึ้นเมื่อครู่ถูกปรับให้เป็นเหมือนเดิม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือใครเดกุก็ตั้งใจจะดึงมีดที่ถูกมือของอีกฝ่ายจับไว้กลับมา แต่ฝ่ามือของฮีโร่ตรงหน้าก็ยังไม่มีทีท่าที่จะยอมปล่อยแขนข้างนั้นของเขาออก
ดวงตาสีแดงมองสบดวงตาคู่กลมที่ไร้กรอบแว่นอย่างพยายามที่จะควานหาบางอย่าง บางอย่างที่เขาเห็นเพียงชั่วครู่ที่มีดเล่มเล็กถูกแทงออกมาแต่มันกลับหายไปในชั่วระยะเวลาอันสั้นแค่พริบตา
ในขณะเดียวกันที่อีกด้านเดกุยังคงพยายามจะดึงแขนข้างขวาออกอีกครั้ง ด้วยท่าทางที่เขาจะนั่งก็ไม่ใช่จะนอนก็ไม่เชิงทำให้ศูนย์ถ่วงร่างกายแย่จนต้องเกร็งท้องไว้ไม่ให้ล้มลงไป ซึ่งดูเหมือนคนที่นั่งคุกเข่าอยู่เหนือขาทั้งสองข้างของเขาจะไม่รับรู้อะไรเลย
“อ่ะ…ปล่อยก่อนคัตจัง”
ราวกับเสียงนั้นทำให้ดวงตาสีเพลิงที่กำลังค้นหาบางอย่างได้สติหลุดจากภวังค์ เสียงเรียกนั้นทำให้ฝ่ามือของเจ้าของชื่อคลายออกเพียงนิดในเวลาเดียวกับที่แขนที่ถูกจับไว้กระชากตัวมันออกแล้วพามือของคนที่จับไว้ลงมาด้วย คนที่นั่งอยู่ปลายเท้าราวกับถูกแรงกระชากให้หน้าคะมำไปตามแรงดึงแขนของร่างที่นอนอยู่ แขนทั้งสองข้างยันตัวไว้ไม่ให้ล้มลงไปทับร่างของเด็กๆ ที่นอนอยู่ กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่ภาพตรงหน้าถูกแทนที่ด้วยใบหน้าของคนที่ชักมีดกลับ ดวงตาสีเขียวสดที่ถูกเงาดำจากตัวเขาปิดทับสั่นไหวด้วยความตกใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงชั่วครู่
อิซึกุมองกลับขึ้นไปก่อนจะพบกับใบหน้าของคนผมบลอนด์ ดวงตาคู่สีแดงที่สบกลับมาเพียงไม่กี่วินาทีแต่ให้ความรู้สึกราวกับผ่านไปเป็นชั่วโมงนั้นทำให้คนมองต้องหลบสายตา ก่อนจะเอ่ยออกไปเบาๆ “ขะ…ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เดกุหลบสายตาคู่นั้นที่มองมาอย่างช่วยไม่ได้พลางรอให้อีกฝ่ายถอนตัวออกไป
“ปล่อย…”
“…?”
แต่เสียงที่เอ่ยกลับมานั้นกลับเป็นคำที่เขาไม่คาดคิด เขาไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายว่าจนกระทั่งเสียงทุ้มเปล่งขึ้นอีกครั้ง
“ปล่อยมือฉัน”
คำพูดที่ได้ยินทำให้คนฟังเริ่มนึกย้อนจนจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเองก็จับฝ่ามือที่ยื่นมาตรงหน้าไว้อยู่เช่นกัน เดกุมองมือข้างซ้ายของตนที่ยังจับกับฝ่ามือของอีกฝ่ายไว้แน่นก่อนจะคลายมือออก
“เอ่อ…โทษที ฉันลืมไป”
คนที่นอนอยู่เอ่ยคำขอโทษออกมา หลังจากนั้นภาพตรงหน้าก็สว่างขึ้นเมื่อร่างด้านบนขยับออกจากตัวเขา เจ้าหน้าที่แผนกวิเคราะห์ค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นบ้าง แต่หลังจากลุกขึ้นจากฟูกนุ่มๆ ที่ปูอยู่อิซึกุกลับรู้สึกถึงสายตาใครอีกคนที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตา
?
เดกุงุนงงอยู่ชั่วครู่จึงลองหันมองตาสายตาของอีกฝ่ายลงมายังลำตัวของตัวเองก่อนจะพบกับคำตอบที่นูนอยู่เหนือหน้าอกคล้ายผู้หญิงของเขา
“เอ๊ะ …ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?”
เดกุปล่อยมีดในมือลงอย่างรวดเร็วพลางทำท่าจะจับไปบนหน้าอกที่ราวกับของผู้หญิงของตน แต่การกระทำนั้นก็ถูกหยุดไว้ก่อนเพราะมันคงดูโรคจิตไม่น้อยที่เขาจะจับไปบนหน้าอกในสภาพนี้ต่อหน้าผู้มาเยือนที่มองอยู่…แม้ว่านั่นจะเป็นหน้าอกของตัวเขาเองก็เถอะ
ผู้ดูแลห้องบำบัดอัตลักษณ์เด็กเล็กหันไปมองเด็กหญิงเจ้าของความสามารถที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้อย่างตกใจ พลันสมองเริ่มคิดว่าเพราะเหตุใดกันยาควบคุมอัตลักษณ์ที่ควรจะมีฤทธิ์อีกชั่วดมงกว่าถึงได้หมดลงตอนนี้แล้วทำให้เด็กหญิงที่มีอายุมากสุดในห้องบำบัดกลับมาใช้อัตลักษณ์ได้อีกครั้ง
บางทีนี่อาจจะถึงเวลาที่เขาจะต้องคำนวณตัวแปรใหม่อีกครั้ง
แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้…
“ริกะจัง ผมรู้นะว่าตื่นอยู่”
เขาหันไปเอ่ยเรียกเด็กหญิงที่เพิ่งเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องบำบัดคนล่าสุดอย่างใจเย็น
ฉับพลันดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วของเด็กหญิงวัย 6 ขวบเจ้าของชื่อก็ลืมตาขึ้นมามองสิ่งที่เธอทำก่อนจะเอ่ยพลางหัวเราะคิกออกมา
“คิกๆ เมื่อกี้เหมือนในนิทานเลยค่ะ”
“นิทาน?” คนฟังเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เจ้าหญิงนิทราไงคะ พอเจ้าชายจุมพิตแล้วก็ตื่นมาจากความฝัน” เด็กหญิงว่า “เมื่อกี้นี้อิซึกุเหมือนเจ้าหญิงเลย”
“….”
เจ้า…หญิง…?
คนฟังแทบนิ่งคิดอยู่ครูหนึ่งจนกระทั่งเข้าใจความคิดของเด็กหญิงตรงหน้าในที่สุด อิซึกุอยากจะเอาหน้าลงไปมุดผ้าห่มให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อรับรู้ว่าเมื่อครู่เธอได้เห็นภาพการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจของเขากับคัตจังเป็นไปในแบบไหน
ถึงคุณพ่อคุณแม่ของริกะจัง…ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอต้องมาพบเจออะไรแบบนี้เลยจริงๆ ครับ
เจ้าของเรือนผมสีเขียวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางหันใบหน้าร้อนๆ ของตัวเองหนีจากคนที่ถูกยกบทเจ้าชายไปทางเด็กหญิงตัวเล็ก “ริกะจัง แต่ผมอยากเป็นเจ้าชายมากกว่านะ” เขาหว่านล้อม
“อ้าววว…” เด็กสาวร้องอย่างผิดหวัง
เมื่อเห็นแบบนั้นเดกุจึงเอ่ยต่อ “ผมว่าริกะจังเหมาะจะเป็นเจ้าหญิงมากกว่านะ”
เด็กสาวมองหน้าเขากลับพลางตอบอย่างฉะฉาน “แต่ริกะอยากเป็นฮีโร่!”
อ่ะ…แย่ละ
แล้วในตอนที่อิซึกุกำลังคิดหาคำโน้มน้าวอยู่นั้นเสียงของเด็กชายอีกสามคนก็ดังมาจากด้านหลัง ดูเหมือนว่าเด็กๆ จะตื่นกันขึ้นมาจนได้ และสิ่งแรกที่เด็กๆ ตาดีในห้องบำบัดอัตลักษณ์ก็คือผู้มาเยือนในวันนี้
“บาคุชินจิ!”
“บาคุชินจิล่ะ!!!”
เสียงอุทานดังขึ้นก่อนทั้งสามจะเดินตรงเข้าไปหาร่างของผู้มาเยือนยามบ่ายอย่างตื่นเต้น ฝ่ามือเล็กๆ จับไปบนแขนที่ติดอาวุธรูปทรงคล้ายระเบิดไว้ก่อนจะอุทานออกมาพร้อมกับดวงตาที่แวววาว
“ของจริงล่ะ ไม่ใช่ของปลอมแบบที่ริกะสร้างขึ้นมาด้วย!”
“ฉันไม่ได้ทำของปลอมนะ!” เธอว่าพลางสอดส่องหาของบางอย่างเพื่อจะเปลี่ยนรูปร่างของมันให้เป็นอะไรก็ได้ตามแต่ที่ใจเธอต้องการ แล้วก่อนที่เธอจะหยิบอะไรขึ้นมาอิซึกุก็ตรงเข้าไปยกมือขึ้นตรงหน้าเด็กหญิงพลางเอ่ย “เปลี่ยนฉันให้เป็นผู้ชายเหมือนเดิมเป็นไง”
“แต่…” เธอลังเล
แต่เดกุก็ใช่จะไม่มีลูกล่อลูกชน “นะครับฮีโร่…ช่วยผมที”
ฮีโร่ตัวน้อยนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ก็ได้! ริกะจะช่วยอิซึกุเอง”
สิ้นเสียงเธอก็แปะมือลงบนฝ่ามือข้างนั้นของอิซึกุก่อนที่ร่างกายของเขาจะค่อยๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิม อิซึกุมองสำรวจร่างกายอีกครั้งก่อนจะหันไปทางผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญในวันนี้ ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางห้องที่เต็มไปด้วยเหล่าเด็กๆ ที่มีความสามารถอันตรายพอๆ กับระดับความเอาแต่ใจ
“คัตจังมีอะไรรึเปล่าถึงมาถึงนี่” เขาถามในขณะที่มองดูอีกฝ่ายที่ถูกไลและโทโมกิปีนขึ้นไปบนแขนทั้งสองข้าง
“ถ้าไม่มีฉันก็ไม่มาถึงนี่หรอก” อีกฝ่ายว่าพลางจับเด็กชายทั้งสองคนให้ลงไปจากแขนของตัวเองอย่างหงุดหงิด เด็กทั้งคู่พอแน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นตัวจริงแล้วก็ไม่คิดจะสนใจอีกแล้วพากันไปเล่นตรงอื่น “ฉันมาที่นี่ตั้งแต่ตอนสาย แล้วแกรู้มั้ยว่าไอ้ด็อกเตอร์เวรนั่นมันก็ไม่มาตามที่นัดไว้อีกแล้วน่ะห๊ะ”
พอได้ฟังจบอิซึกุก็แทบจะกุมขมับ เขาไม่รู้ว่าควรจะสงสารคนตรงหน้าหรือตัวเองดีที่ต้องมาวุ่นวายเพราะการผิดนัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของหัวหน้าแผนก แต่ที่แน่ๆ คือตอนนี้อิซึกุไม่สามารถจะปลีกตัวไปจากห้องนี้แล้วเช็คอีเมลหรือโทรศัพท์ให้คัตจังได้จริงๆ เมื่อตัวเขายังต้องแก้ปัญหาเรื่องยาควบคุมอัตลักษณ์ที่หมดฤทธิ์ก่อนเวลาของริกะจัง
“คือว่า…ตอนนี้ฉันไม่สะดวกเท่าไหร่…ช่วยรอแปบนึงนะ” เดกุเอ่ยพลางควานหาถุงมือสีดำที่มักใช้เพื่อป้องกันการสัมผัสกับตัวเด็กๆ ขึ้นมาในขณะที่มืออีกข้างก็จับร่างที่พร้อมจะพุ่งไปเล่นของริกะจังไว้อย่างทุลักทุเล
“ฉันไม่มีเวลาว่างมารอแกทั้งวันหรอกนะ” เสียงเข้มเอ่ยตอบอย่างกดดันอีกฝ่าย
“แอ๊บอึงอ้า” (แปบนึงน่า) เดกุกล่าวขณะใช้ริมฝีปากจัดถุงมือของตนให้เข้าที่ทีละข้างสลับกับจับแขนของเด็กหญิงที่ร้องจะไปเล่นไว้ แขนเสื้อเชิ้ตถูกดึงลงมาปิดทั้งสองข้างอย่างว่องไว เมื่อเตรียมพร้อมกับอัตลักษณ์ที่ควบคุมไม่ได้เรียบร้อยอิซึกุก็อุ้มริกะจังขึ้น
“ริกะจะไปเล่นกับโทโมกิ~”
“แปบนึงนะครับคนดี เดี๋ยวก็ได้ไปแล้วนะ” อิซึกุหลอกล่อพลางพาเธอเดินไปที่ตู้ยาที่ตั้งอยู่สูงจากพื้นในระดับที่เด็กเอื้อมไม่ถึงในห้องนั้น กล่องสีขาวลายกระต่ายถูกดันเปิดออกด้วยมืออีกข้างที่ไม่ได้อุ้มเด็กหญิงไว้ก่อนที่ยาเม็ดหลากสีเหมือนลูกกวาดจะถูกหยิบออกมา อิซึกุหยิบเหยือกน้ำขึ้นเทใส่แก้ววางไว้บนโต๊ะก่อนจะส่งยาให้เด็กหญิงในอ้อมแขน
“ไม่เอา ริกะไม่กิน”
“ทำไมล่ะครับ”
เด็กหญิงเบือนหน้าหนียาเม็ดนั้นก่อนจะตอบเสียงแข็ง “…คนอื่นไม่เห็นต้องกินเลย ทำไมริกะต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย ทำไมถึงต้องกินยามากกว่าคนอื่นด้วย เพราะริกะไม่ดีใช่มั้ย อิซึกุหลอกริกะ ความสามารถของริกะมันไม่ดีเป็นฮีโร่แบบนั้นไม่ได้ใช่รึเปล่า”
“…”
“…ริกะอยากกลับบ้าน”
“…”
“…”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ไม่เว้นแม้แต่เด็กชายทั้งสามคนที่กำลังเล่นปราบวิลเลินที่มีวิลเลินสมมติในครั้งนี้เป็นฮีโร่บาคุชินจิ เด็กทั้งสามนิ่งไปก่อนที่คนหนึ่งจะเอ่ยขึ้น
“โทโมกิอยากกลับบ้านบ้างรึเปล่า” ไลถาม
“ไม่อ่ะ แม่บอกว่าฉันต้องอยู่ที่นี่”
“เหมือนกัน”
“ผมก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เดี๋ยววันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ได้กลับบ้านแล้ว” โคสุเกะ เด็กชายตัวเล็กที่สุดในห้องที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่จำความได้เอ่ยบ้าง
เสียงพูดคุยที่บาคุโกผู้ได้รับบทวิลเลินจำเป็นได้ยินทำให้เจ้าตัวเริ่มรู้สึกไม่ดีกับห้องนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป ดวงตาสีแดงมองจับไปยังร่างในชุดเสื้อเชิ้ตที่ยังนิ่งอยู่กับคำขอร้องของเด็กหญิงในอ้อมแขน
“ริกะจังรู้มั้ยครับว่าทำไมถึงต้องมาอยู่ที่นี่”
“…” เด็กหญิงส่ายหน้า
“เพราะพลังของริกะจังแข็งแกร่งมากยังไงล่ะ”
อิซึกุพูดตามความจริงเมื่อได้พบกับเด็กหญิงครั้งแรกเธอก็เปลี่ยนทุกคนที่เข้าหาให้เป็นสัตว์ไปเกือบทั้งแผนก กว่าเธอจะยอมอยู่ที่นี่ได้พวกเขาก็เหนื่อยแทบลากเลือด ทั้งยังต้องแข่งกับเวลาด้วยเมื่ออัตลักษณ์ของเธอจะค่อยๆ กลืนกินผู้ถูกเปลี่ยนให้เป็นสิ่งนั้นไปจริงๆ ในเวลาที่ไม่แน่นอน
ฝ่ามือเล็กๆ นี้สามารถสร้างบ้านขึ้นมาจากแผ่นหิน และเปลี่ยนคนให้กลายเป็นเดรัจฉานที่ไร้จิตใจอย่างไม่มีวันหวนกลับ โดยที่เธอเองก็ควบคุมอัตลักษณ์นั้นไม่อยู่
“ริกะไม่เชื่ออิซึกุแล้ว”
“ผมพูดจริงๆ นะ ริกะจังน่ะเป็นฮีโร่ได้ แล้วพลังของริกะจังก็ดีจนผมอิจฉาเลยล่ะ”
เด็กหญิงเริ่มรับฟังแต่ก็ยังถามต่อ “แล้วทำไมริกะถึงไม่ได้ออกไปข้างนอก”
“เพราะพลังของริกะจังมีเยอะมากๆ จนควบคุมได้ยาก…” เดกุวาดมือเป็นวงกลมพลางพาเด็กหญิงเดินไปตรงหน้าต่างเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น “…แต่ยานี่จะช่วยควบคุมพลังให้ริกะจังแทน พอริกะจังควบคุมพลังได้แล้วก็จะได้ออกไปจากที่นี่ถึงตอนนั้นพลังนี้ก็จะมีค่ากับโลกนี้มากๆ เลยล่ะ”
อิซึกุกล่าวตามจริง…เด็กหลายๆ คนที่อยู่ที่นี่มีค่ามากจนตัวเขาเทียบไม่ติด และการที่เด็กๆ ผู้มีอัตลักษณ์แสนอันตรายมาอยู่ในการดูแลนี้ก็ทำให้ทั้งตัวของเหล่าเด็กและคนรอบข้างปลอดภัยมากขึ้น แม้จะดูเป็นเรื่องโหดร้าย แต่เขาก็ขอเพียงแค่เวลาเท่านั้น…เพียงแค่เวลาจนกว่าเด็กเหล่านี้จะฝึกควบคุมอัตลักษณ์ของตนได้หรือแผนกวิเคราะห์จะวิจัยสิ่งที่ช่วยพวกเขาควบคุมพลังที่ลึกเกินหยั่งนั้นออกมา…เพียงแค่นั้นเขาก็จะปล่อยเด็กทุกคนออกไปยังโลกใบนี้อย่างไม่นึกเป็นห่วงได้อย่างสบายใจ
“ริกะจะเป็นฮีโร่ได้ใช่มั้ย”
“ใช่ ริกะจังจะเป็นฮีโร่ได้ แต่ก่อนหน้านั้นต้องให้เจ้านี่ช่วยควบคุมพลังให้ก่อนนะครับ” อิซึกุยื่นเม็ดยาไปตรงหน้าเด็กหญิง เธอรับมันไปก่อนจะยอมกินมันในที่สุดแม้ว่าจะมีท่าทางลังเลก็ตาม อิซึกุเดินไปหยิบแก้วน้ำที่อีกมุมของห้องส่งให้เธอ เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดีเขาก็ปล่อยเธอลงจากอ้อมแขน เด็กหญิงวิ่งเข้าไปสมทบกับเพื่อนในห้องแล้วสวมบทฮีโร่จัดการวิลเลินในชุดฮีโร่อย่างรวดเร็วราวกับที่บอกว่าอยากกลับบ้านนั้นคือเรื่องโกหก
เดกุที่เก็บของเสร็จเดินกลับเข้ามาสมทบกับคัตจังก่อนจะกลั้นขำกับท่าทางที่ถูกเด็ทั้งสี่คนรุมล้อมไว้พร้อมกับปล่อยหมัดเข้าใส่
“ขอโทษที่ให้รอนะ” อิซึกุกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่ผู้มาเยือนมองแล้วก็ให้รู้สึกหงุดหงิด และยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีกเมื่อรอบข้างมีด็กๆ รุมล้อมจนน่ารำคาญ
“เมื่อไหร่แกจะไปลากคอไอ้เจ้านั่นมาให้ฉันห๊ะ ฉันไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กนะ” ร่างสูงเอ่ยอย่างหงุดหงิดใจพลางหันไปไล่เด็กๆ “ออกไปห่างๆ โว้ย ทำไมไม่ไปสู้กับไอ้เดกุบ้างห๊ะ”
“เดกุ ใครอ่ะ” โคสุเกะคุงเอ่ยถาม
“อิซึกุมั้ง” ริกะที่อายุมากสุดเอ่ย “แต่ว่าอ่านคันจิผิดเป็นเดกุไงล่ะ”
“ฉันไม่ได้อ่านผิดโว้ยยยย” บาคุโกแทบจะพ่นไฟออกมาเมื่อถูกหาว่าอ่านคันจิผิดทั้งที่ความจริงแล้วเขาอ่านได้ก่อนคนอื่นในรุ่นเดียวกันด้วยซ้ำ
“ฮะๆ อีกแปบนึงนะคัตจังเดี๋ยวผู้ดูแลคนต่อไปก็มาแล้วล่ะ” เดกุเอ่ยพลางมองภาพเด็กๆ ที่ดูเข้ากันได้ดีกับฮีโร่ตรงหน้า…และดูเหมือนจะดีเกินไปจนคัตจังสามารถสั่งเปลี่ยนบทให้ตัวเขารับหน้าที่วิเลินแทนได้
“นั่นต่างหากวิลเลินน่ะ ไปฆ่ามันซะ”
“อั๊ก โอ้ย”
เดกุที่เก็บของอยู่ถูกเปลี่ยนให้มารับบทวิลเลินแทนจากอีกฝ่ายทำให้ตอนนี้สภาพเขาจึงโดนเด็กสี่คนล้อมอยู่ เจ้าของดวงตาสีเขียวเล่นตามบทพร้อมกับต้องเก็บหมอนและผ้าห่มอย่างทุลักทุเลไปพร้อมๆ กัน โดยที่ร่างสูงของฮีโร่ตัวจริงเริ่มกลับมาพูดเรื่องอาจารย์ของเขาอีกครั้ง
“แล้วตกลงว่าแกจะจัดการเรื่องด็อกเตอร์นั่นยังไงห๊ะ” อีกฝ่ายถามโดยไม่ดูสถานการณ์เลยว่าตอนนี้เดกุกำลังวุ่นแค่ไหน หมัดเล็กๆ กระแทกอยู่ที่แผ่นหลังของเขาอย่างไม่ปราณี
“อ่า โอ๊ย เรื่องนั้นฉันก็ไม่ร…”
แกร็ก
แต่ไม่ทันที่เดกุจะได้ตอบจบที่ประตูทางด้านซ้ายเชื่อมกับทางเดินหลักในสำนักงานก้เปิดออก ชายร่างสูงผมสีดำขลับกับแว่นตาทรงกลมโตโผล่หน้าเข้ามาในห้องอย่างทันเวลา
“อาจารย์!”
“โอ้ มิโดริยะ สบายดีมั้ย”
เกือบจะไม่สบายแล้วครับถ้าคุณมาช้ากว่านี้…
เดกุไม่ได้ตอบกลับอีกฝ่ายไปแบบนั้นเพราะก่อนที่เขาจะทันได้ตอบกลับไปเสียงเด็กๆ ในห้องก็ดังขึ้นพร้อมกัน
“ด็อกเตอออออร์~!!!!” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นก่อนจะพากันวิ่งกรูไปหาชายวัยกลางคนจะเว้นก็แต่ริกะที่ยังงุนงงอยู่กับการปรากฏตัวของชายคนนี้เพราะเธอเพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานและไม่เคยเจอเขามาก่อน
“โอ้ เธอคือเด็กใหม่สินะ ชื่อว่าอะไรหรอ” ชายวัยกลางคนพูดพลางหันมาทางหน้าเด็กหญิง ในชั่วเวลาไม่นานทั้งสองก็ทำความรู้จักกัน และไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่าทางใจดีกับอัธยาศัยของด็อกเตอร์จะทำให้เด็กๆ เริ่มคุ้นเคยด้วย
แล้วในตอนนั้นดวงตาใต้กรอบแว่นของผู้ที่ถูกเลือกว่าด็อกเตอร์ก็หันไปสบเข้ากับดวงตาสีแดงของฮีโร่ที่มารอพบเขาตั้งแต่ยามสาย ดวงตาสีเพลิงมองอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวคล้ายพนักงานประจำทั่วไปอย่างคล้ายจะสำรวจ
“โอ้ บาคุชินจิสินะ ขอโทษที่ให้รอพอดีฉันเจอเคสพิเศษระหว่างทางน่ะก็เลยมาสายไปหน่อย”
“รีบหน่อย ฉันมีงานต้องทำต่อ” ฮีโร่เพียงคนเดียวในห้องกล่าว
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูไม่พอใจกับการมาสายของตนเจ้าของอัตลักษณ์ดวงตาที่เจ็บปวดจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น “ที่นี่คงไม่สะดวกเท่าไหร่ เชิญที่ห้องทำงานของฉันก่อนละกัน”
ได้ฟังดังนั้นบาคุโกก็ไม่คิดจะรั้งอยู่ในห้องนี้อีกต่อไป เขาเดินผ่านด็อกเตอร์และเด็กๆ หน้าประตูไปอย่างไม่คิดจะสนใจอีก ทิ้งไว้เพียงพนักงานทั้งสองที่หันมองหน้ากันอย่างอยู่
“หายไปนานเลยนะครับอาจารย์”
“หึๆ รอบนี้เจอคนตามตัวทั้งฮีโร่แล้วก็วิลเลินจนรู้สึกเนื้อหอมเลยล่ะ”
“งั้นก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานบ้างสิครับ” คนเป็นลูกศิษย์ตัดพ้อ
“เธอก็รู้ว่าฉันทำไม่ได้” อีกฝ่ายว่าก่อนจะบอกลาเด็กๆ แล้วหันมาเอ่ยกับเขา “มาด้วยกันหน่อยสิมิโดริยะ เดี๋ยวที่นี่ให้มิสโรสดูแลก็ได้”
อีกฝ่ายว่าจบคนที่รับหน้าที่ดูแลแทนก็เข้ามาในห้องราวกับนัดไว้ เด็กๆ ในห้องที่เคยได้พบเธอมาก่อนเมื่อเห็นก็จำเธอได้ ทันทีที่เธอเรียกความสนใจเด็กๆ ไปจากอาจารย์และตัวเขาอิซึกุก้เดินออกมาจากห้องพร้อมกับเจ้าของตำแหน่งอาจารย์และหัวหน้าแผนก
“อาจารย์มีอะไรเหรอครับ”
“เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ”
เขาเดินตามอีกฝ่ายออกไปจากส่วนลึกของแผนกนี้ที่นอกจากจะมีความน่ากลัวจากตัวพนักงานที่คล้ายซอมบี้และแผนกทั้งแผนกยังถูกสร้างให้มีโครงสร้างที่ลึกลับและทางที่แคบเพื่อให้ได้พื้นที่สร้างห้องบำบัดด้านใน
บางทีเขาก็คิดว่าก่อนที่คัตจังจะเข้ามาเจอเขาอีกฝ่ายได้เดินหลงไปเจอห้องอื่นในนี้บ้างรึเปล่า
แต่เดกุก็ไม่มีเวลาให้คิดขนาดนั้นเมื่อสองขาพาเจ้าของร่างเดินเข้ามาในห้องประตูไม้สีน้ำตาลแดงอันเป็นห้องทำงานของตัวเอง เขายืนอยู่ที่กลางห้องอย่างงุนงงพลางมองอาจารย์ที่กำลังค้นกองเอกสารสูงท่วมหัวที่หมิ่นเหม่จะหล่นลงมาทับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งร่างผมดำหยิกนั้นเดินออกมาพร้อมกับกระดาษปึกหนึ่งก่อนจะหันไปทางฮีโร่เจ้าของฉายาบาคุชินจิ
“ฉันเห็นเปเปอร์ที่สำนักงานเธอส่งมาแล้วล่ะ คิดว่าข้อมูลตรงนี้น่าจะเอาไปใช้ได้แต่คงต้องใช้เวลาวิเคราะห์หน่อย”
“งั้นก็จัดการซะสิ”
“แน่นอน…แต่ไม่ใช่ฉัน” คราวนี้กระดาษทั้งปึกถูกยื่นมาตรงหน้าของเดกุ “มิโดริยะจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้”
“ห๊ะ!!!”
ความตกใจวิ่งพล่านไปทั่วห้องให้คนฟังทั้งสองอุทานออกมาพร้อมกัน ฮีโร่และข้าราชการมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อก่อนจะหันกลับไปยังคนพูดที่ยังยิ้มพราวราวกับมองไม่เห็นบรรยากาศมาคุที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาแล้ว
“หมายความว่าไงห๊ะ ที่ว่าจะให้เดกุจัดการน่ะ ฉันไม่ได้ต้องการพี่เลี้ยงเด็กหรือพวกมือสมัครเล่นนะโว้ยยย” บาคุโกโวยวายอย่างไม่ไว้หน้า
“นั่นสิครับ หมายความว่ายังไง ทำไมผมถึง…”
“เอาน่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์นะมิโดริยะ ส่วนเรื่องความสามารถน่ะฉันรับประกันได้ว่าไม่มีปัญหา ตอนนี้ฉันต้องไปทำงานต่ออีกที่นึงยังไงก็ฝากด้วยล่ะ” ชายวัยกลางคนว่าก่อนจะยัดปึกกระดาษใส่มือลูกศิษย์ตัวเองแล้วเดินออกไปจากห้องหน้าตาเฉยไม่ฟังแม้เสียงโวยวายสบถด่าที่ดังตามไล่หลังของบาคุโก
ในขณะเดียวกันอิซึกุที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะห้ามอาจารย์ตัวเอง ไม่สิ เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะเอ่ยอะไรออกไปด้วยซ้ำนั้นก็ราวกับเครื่องจักรที่ช็อตค้างไปแล้ว เขาแทบไม่อยากจะคำนวณเลยว่างานตอนนี้ล้นมือแค่ไหนให้เหนื่อยใจเล่น อิซึกุรู้สึกเหมือนถูกพามาปล่อยเกาะลึกลับกลางทะเลแล้วถูกทิ้งให้หาทางกลับบ้านเอง โชคไม่ดีที่บนเกาะนั้นมีสัตว์ร้ายอันน่าสะพรึงกลัวกำลังจ้องเขาด้วยดวงตาสีแดงฉานด้วยความโกรธที่พร้อมจะเผาทุกอย่างให้เป็นจุล ในขณะที่เขายังต้องมีชีวิตรอดเพื่อกลับไปทำงานกองมหึมาจนแทบจะล้นทะลักอีกด้วย
เอาล่ะ…หวังว่าเขาจะรอดไปจนจบล่ะนะ
// รอบนี้หายไปนานกว่าเดิมเลยพอดีติดเขียนฟิควันเกิดอิซึกุน่ะค่ะ
(แต่คงไม่สะดวกลงในนี้เท่าไหร่ สำหรับใครที่อยากอ่านสามารถทักเข้ามาทางInbox เพจ Ryuusei ได้นะคะสำหรับลิ้ง+รหัส)
ตอนนี้เป็นตอนที่ยาวกว่าที่คิดอีกแล้ว ได้เปิดตัวเด็กๆ ห้องบำบัดแล้วส่วนอิซึกุนั้น…คงต้องเอาใจช่วยว่าจะรอดมั้ยอีกที 555
หลังจากนี้จะลงฟิคสัปดาห์ละตอนค่ะเนื่องจากใกล้เปิดเทอมแล้วและเรายังต้องเขียนเรื่องอื่นด้วย ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ